9 Herb

ตำนานสมุนไพรจีน เป็นที่กล่าวขานถึงสรรพคุณที่มีสวนช่วยดูแล บำรุงร่างกาย เป็นความรู้ทางการแพทย์แผนจีนที่สืบต่อกันมาหลายพันปี สมุนไพรบางชนิดมีฤทธิ์ร้อน สมุนไพรจีนบางตัวมีฤทธิ์เย็น ซึ่งส่งผลดีต่อร่างกายแตกต่างกันไป โดยสมุนไพรจีนส่วนใหญ่มาจากพืช ใบและลำต้น ปัจจุบันมีการศึกษาพบว่า มีสมุนไพรจีนมากกว่า 5000 ชนิดทั่วโลก 7 เรื่องจริงต้องรู้ "สมุนไพรจีน" ดีอย่างไร? สมุนไพรจีน ดูแลร่างกายตามกลไกธรรมชาติ สมุนไพรจีนหรือยาจีน มีประวัติศาสตร์ยาวนาน นับตั้งแต่สมัยราชวงศ์เซี่ยซาง โจว ที่มีการค้นพบ "คัมภีร์ซื้อจิง" คัมภีร์บันทึกเกี่ยวกับตำรับยาน ตำราแพทย์แผนใช่ในการ รักษาอาการเจ็บป่วย รวมไปถึงทฤษฎีการรักษาผู้ป่วยด้วยสมุนไพรจีนนานาชนิด ซึ่งตำรับยาจีน เกิดจากการนำสมุนไพรในสัดส่วนที่พอเหมาะ มาผสม มาปรุงเป็นยาเพื่อใช่รักษาอาการเจ็บป่วยของร่างกาย โดยอิงจากกลไกตามธรรมชาติของร่างกายมนุษย์ แทนที่จะใช้สารเคมี ยาปฏิชีวนะเพียงอย่างเดียว สมุนไพรจีนมีประโยชน์ แต่มีโทษด้วยเช่นกัน ปัจจุบัน สมุนไพรจีนยังคงเป็นที่นิยมในการใช้ดูแลรักษา ปรับสมดุลร่างกาย เสริมภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ต่อสู้กับโรคภัยไข้เจ็บที่มองไม่เห็น  ลดโอกาสการติดเชื้อ ติดโรคระบาดแม้สมุนไพรจีนจะเป็นยาที่ได้จากธรรมชาติ แต่สมุนไพรบางชนิด มีข้อบ่งชี้ในการใช้ชัดเจนด้วยเช่นกัน อาทิ ห้ามใช้ในผู้หญิงตั้งครรภ์, ห้ามกินเกินปริมาณที่กำหนด, ห้ามใช้สมุนไพรจีนต่อเนื่อง, ห้ามใช้ในผู้ป่วยบางโรค ฯลฯ ดังนั้น [...]

      ภาวะเลือดหนืด เลือดข้น คือการมีปริมาณเม็ดเลือดแดงสูงขึ้นมาก และถ้าเป็นมากขึ้น จะทำให้เลือดหนืด หรือเลือดข้นขึ้น ส่งผลให้เลือดไหลเวียนได้ช้าลงหรือเลือดติดขัด ทำให้เกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือดได้ง่าย อาการเบื้องต้นที่พบบ่อยของภาวะเลือดหนืดมีอะไรบ้าง ? 1. ปวดศีรษะเรื้อรัง ปวดศีรษะรุนแรง 2. เวียนศีรษะ หน้ามืด คลื่นไส้ อาเจียน 3. เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย อ่อนแรง 4. การมองเห็นผิดปกติ เช่น ตาแดงที่ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ ตาพร่า 5. เจ็บแน่นหน้าอก หายใจลำบาก 6. มีจุดแดงๆ เป็นจ้ำๆ ทั่วตัว หน้าแดงผิดปกติ 7. รวมถึงไม่ได้มีอาการใดๆ มาก่อน แต่ตรวจพบความผิดปกติจากการตรวจเลือด แล้วสาเหตุของเลือดหนืดมากจากอะไรบ้าง ? ภาวะเลือดหนืด เลือดข้นมีหลายประเภท แต่ละประเภทจะแบ่งตามสาเหตุที่ทำให้เกิด โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ - การที่มีน้ำหนักตัวเกิน การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก - การใช้ยาขับปัสสาวะ [...]

      ภาวะหัวใจล้มเหลว เกิดจากความผิดปกติของการทำงานของหัวใจ โดยอาจเกิดจากมีความผิดปกติของโครงสร้างหรือการทำหน้าที่ของหัวใจ ส่งผลให้หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกายหรือรับเลือดกลับเข้าสู่หัวใจได้ตามปกติ จึงทำให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลว เกิดจากเยื่อหุ้มหัวใจผิดปกติ กล้ามเนื้อหัวใจ ลิ้นหัวใจ หรือโรคหลอดเลือด สาเหตุสำคัญคือโรคหลอดเลือดตีบ โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจรูมาติก โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด ภาวะหัวใจล้มเหลว หากแบ่งตามระยะเวลาที่มีอาการ สามารถแบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม คือ 1. ภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน (acute heart failure) มีอาการเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วไม่ทันรู้ตัวหรือมีภาวะหัวใจล้มเหลวที่มีอาการคงที่แต่กลับแย่ลงในเวลาไม่นาน 2. ภาวะหัวใจล้มเหลวเรื้อรัง ( chronic heart failure) ผู้ป่วยมีอาการของภาวะหัวใจล้มเหลวและ/หรือการทำงานของหัวใจผิดปกติคงอยู่เป็นเวลานาน พบได้ในผู้ป่วยที่เคยได้รับการวินิจฉัยว่ามีภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันมาก่อนหรือไม่ก็ได้ อาการภาวะหัวใจล้มเหลว 1. อาการเหนื่อยง่ายหายใจไม่อิ่ม โดยอาจมีอาการเหนื่อยขณะออกแรงเพียงเล็กน้อย หรือบางรายที่เป็นมากอาจมีอาการเหนื่อยแม้เวลาอยู่เฉยๆ เป็นอาการสำคัญของภาวะหัวใจล้มเหลว 2. อาการเหนื่อยง่ายหายใจไม่อิ่มขณะนอนราบ บางครั้งอาจมีอาการไอในขณะนอนราบ หรือ ในขณะนอนหลับไปแล้วต้องตื่นขึ้นมากลางดึก เนื่องจากมีอาการเหนื่อย ซึ่งเป็นอาการจำเพาะสำหรับหัวใจล้มเหลว 3. น้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว อาการบวมของเท้า ขา หรือ [...]

เนื้องอกในมดลูก โรคยอดฮิตวัยเจริญพันธุ์ จากสถิติเราจะพบโรคเนื้องอกในมดลูกในวัยเจริญพันธุ์คือเริ่มมีประจำเดือนแล้ว คืออายุ 25 -30 ปี และประมาณสัก 30-40 ปี โดยการตรวจอัลตราซาวด์ ถ้า 10 คนจะเจอ 3 – 5 คน หรือประมาณ 30-50% ซึ่งขนาดของเนื้องอกก็จะขึ้นอยู่กับสรีระของแต่ละบุคคล ตั้งแต่เล็กๆ ไม่กี่มิลลิเมตร เป็น 10 เซนติเมตร เท่ากับลูกมะพร้าว หรือลูกแตงโมก็มี แต่พออายุ 40 ปีขึ้นไปก็เริ่มเข้าสู่วัยหมดประจำเดือนหรือวัยทอง ตัวก้อนมักจะมีขนาดเล็กลงและฝ่อไปเอง เพราะโดยธรรมชาติอายุเยอะจะเป็นน้อยลง             ส่วนใหญ่ประมาณ 99% ที่ตรวจเจอไม่ใช่เนื้อมะเร็ง คือเป็นเนื้องอกที่เป็นเนื้อดี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นส่วนใหญ่เราจะอัลตราซาวด์ตรวจเจอว่าเป็นเนื้องอกมดลูก แต่ก็มีโอกาสที่จะกลายมาเป็นมะเร็ง แต่ว่าไม่เยอะ ประมาณสัก 1 ใน 10,000 หรือ 1 ใน 100,000 สาเหตุที่ทำให้เกิดเนื้องอกในมดลูก มาจากกรรมพันธุ์ด้วย ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อโรคใด ๆ และเกี่ยวกับเรื่องการทำงานของฮอร์โมนเพศหญิง [...]

รู้หรือไม่ว่าร่างกายคุณอยู่ธาตุไหน..   ร้อน หรือ เย็น             หลายคนคงเกิดอาการสงสัยไม่น้อยว่าเราจะรู้ได้อย่างไรว่าร่างกายช่วงไหนที่ต้องทานพืชผักสมุนไพรฤทธิ์เย็นหรือฤทธ์ร้อนกันแน่ เพราะถ้าทานแบบไม่รู้จากที่จะได้ประโยชน์กลับได้โทษมากกว่า มาสังเกตอาการตัวเองกันเถอะว่าช่วงไหนเราเหมาะกับการทานพืชผักสมุนไพรฤทธิ์ร้อนหรือฤทธิ์เย็นกันแน่ ถ้าหากร่างกายเกิดภาวะร้อนแบบนี้ มีอาการร้อนในเกิดเป็นแผลในปาก ผิวหนังแห้ง, ปากแห้ง ตัว, มือเท้า ร้อน รู้สึกร้อน แต่ไม่มีเหงื่อ เลือดกำเดาไหล ถ้าร่างกายเกิดภาวะร้อนดังกล่าวให้ใช้สมุนไพรที่ออกฤทธิ์เย็น อาทิ เก๊กฮวย, ใบเตย, มะนาว, บัวบก, ย่านาง, ผักบุ้ง, ว่านกาบหอย,อัญชัน ฯลฯ เพื่อให้ร่างกายปรับสมดุลและกลับคืนมาอยู่ในภาวะปกติ และถ้าหากร่างกายรู้สึกเย็น หรือภาวะเย็นแบบนี้ มีอาการมื้อ, เท้า เย็น และซีด ใบหน้าซีด รู้สึกหนาวเหน็บ เป็นหวัดน้ำมูกใส แต่ไม่เจ็บคอ ไอ ถ้าร่างกายเกิดภาวะร้อนดังกล่าวให้ใช้สมุนไพรที่ออกฤทธิ์ร้อน อาทิ ตระไคร้, ขิง, พริก, กระชาย, ทุเรียน, ลำไย, ยี่หร่า, โสม ฯลฯ รู้แบบนี้แล้วลองเช็กร่างกายตัวเองก่อนว่าคุณกำลังอยู่ในภาวะร้อนหรือเย็นกันแน่ เพื่อจะได้รับประทานอาหาร [...]

โกศหัวบัวสมุนไพรจีนต้นตำรับ! โกฐหัวบัว ชื่อวิทยาศาสตร์ Ligusticum striatum DC. ถิ่นกำเนิดในประเทศจีน ในมณฑลเสฉวน กุ๋ยโจว ยูนนาน หูเป๋ย จัดเป็นพรรณไม้พุ่มหรือไม้ล้มลุกขนาดเล็ก มีอายุหลายปี ลำต้นมีลักษณะตั้งตรง โคนเป็นข้อๆ และมีรากฝอยงอกอยู่ที่ข้อ บริเวณช่วงบนจะแตกกิ่งก้านมาก และมีกลิ่นหอม สรรพคุณโกฐหัวบัว 1.มีฤทธิ์ช่วยการไหลเวียนของเลือด 2.รักษาอาการปวดจากเลือดคั่งกระจายการตีบของเส้นเลือด 3.แก้ประจำเดือนมาไม่เป็นปกติ ปวดประจำเดือน ขับน้ำคาวปลาหลังคลอด ลดการบีบตัวของกล้ามเนื้อลำไส้และมดลูกได้ และขับประจำเดือน 4.รักษาอาการเจ็บชายโครง เจ็บบริเวณหัวใจ เจ็บหน้าอก เจ็บจากการฟกช้ำ บวมจากฝีหนอง 5.มีฤทธิ์ขับลม บรรเทาปวด รักษาอาการปวดศีรษะ อาการปวดจากการคั่งของเลือด และโรคไมเกรน 6.เป็นยาแก้หวัด แก้ปวดศีรษะ บํารุงโลหิตแก้โรค โลหิตจาง รวมทั้งปวดฟัน 7.เป็นยาขับพยาธิในท้อง แก้บิด แก้ไอ เป็นยาขับลม แก้โรคประสาท และฆ่าเชื้อ 8.ช่วยป้องกันการขาดออกซิเจนในเลือด ต้านอาการปวด อาการอักเสบ ช่วยขับเหงื่อ และช่วยทำให้นอนหลับได้นานขึ้น จากสรรพคุณของโกฐหัวบัว  จึงทำให้ปัจจุบันมีการนำมาใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร [...]

ตังกุย..สุดยอดต้นตำรับสมุนไพรจีน ตังกุย หรือ โสมตังกุย ชื่อวิทยาศาสตร์: Angelica sinensis) เป็นสมุนไพรที่มีต้นกำเนิดจากประเทศจีน เป็นไม้ล้มลุกอายุหลายปี พบแพร่กระจายในป่าดิบในเขตเขาสูงทางภาคกลางของจีน เช่น เสฉวน หูเป่ย กานซีจนถึงยูนนาน นอกจากนั้นยังมีปลูกในญี่ปุ่น เกาหลี เวียดนาม สำหรับเครื่องยาจีนที่เรียกว่าตังกุยนั้นทำมาจากรากแห้ง สีน้ำตาลหรือน้ำตาลอมเหลือง ลักษณะมีรอยย่นเป็นแนวยาว เนื้อเหนียว รอยหักเป็นสีขาวหรือสีน้ำตาลอมเหลือง เปลือกรากหนา เนื้อในรากสีขาว หอมแรง หวานและขมเล็กน้อย ยาจีนใช้ตังกุยเป็นส่วนประกอบของยาหลายขนานโดยเฉพาะผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่สกัดมาจากสมุนไพรจีน สรรพคุณของตังกุย 1.ออกฤทธิ์ต่อหัวใจ ตับ และม้าม ใช้เป็นยาบำรุงโลหิต ฟอกเลือด รักษาโรคโลหิตจาง และอุดมไปด้วยวิตามินบี 12 ซึ่งจำเป็นต่อการสร้างเม็ดเลือด จึงช่วยรักษาภาวะเลือดพร่อง สีหน้าซีดขาวหรือซีดเหลือง เล็บและริมฝีปากซีด สีลิ้นซีด ช่วยเพิ่มความเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวลและทำให้ผิวพรรณดี เนื่องจากกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดในร่างกายให้ดีขึ้น ทำให้เลือดไหลเวียนสะดวก และช่วยสลายเลือดคั่ง 2.ช่วยบำรุงร่างกาย บรรเทาอาการปวดเมื่อย บำรุงสมอง ตับ ต่อมน้ำเหลือง และช่วยกระตุ้นการทำงานของหัวใจได้ (ใช้ได้ทั้งหญิงและชาย ใช้เป็นยาบำรุงร่างกายได้ดี) 3.แก้อาการปวดศีรษะ [...]

ปักตังเซียม หรือตั่งเซียม (Dang Shen) "ปักตังเซียม หรือตั่งเซียม" (Dang Shen) เป็นสมุนไพรจีนที่ใช้รากมาทำเป็นยา ซึ่งรากจะมีสีน้ำตาล ลักษณะค่อนข้างหยาบ ตามตำราแพทย์แผนจีนนั้นตังเซียมเป็นยาด้านบำรุงกำลัง และบำรุงเลือด แต่มีสรรพคุณหลายอย่างคล้ายกับโสม หรือที่เรียกกันว่า “โสมคนจน” แต่ด้วยการเพาะปลูกตังเซียมง่ายกว่าโสมที่ต้องใช้เวลานานหลายปี จึงเป็นยายอดนิยมของชาวบ้านชาวจีนที่ใช้ชูกำลัง แม้ประโยชน์จะไม่มากเท่ากับโสม แต่ก็มีราคาถูกกว่าทำให้เป็นที่นิยมในหมู่ชาวบ้านนั่นเอง ตั่งเซียมที่นำมาใช้ในตำรับยาจีนนั้น จะต้องเก็บในช่วงฤดูใบไม้ร่วง และจะต้องคัดเฉพาะรากขนาดใหญ่ หลังจากปลูกเสร็จแล้วเราก็นำมาล้างน้ำให้สะอาด และนำไปตากแห้ง  หลังจากนั้นต้องนำไปอบจนแห้งสนิทเพื่อเป็นการเก็บรักษาให้นานที่สุด และในรากตั่งเซียมมีสารซาโปนิน ที่เป็นสารที่สำคัญที่จะเข้าไปช่วยปรับสมดุลในร่างกาย และทำให้ระบบไหลของเลือดดีอีกด้วย ในส่วนของรสชาติก็ยังมีรสหวานนุ่มชุ่มคอทานง่าย ทำให้รู้สึกสดชื่น ปลุกพลังทำแก้อ่อนเพลีย สรรพคุณของตั่งเซียมเมื่อนำมาเป็นส่วนผสมของตำรับยาจีนนั้น มีประโยชน์อย่างมากมาย อาทิ ช่วยบำรุงร่างกาย เพิ่มพลังลมปราณ แก้หวัด ทำให้หลับสบาย ป้องกันโรคหอบหืด บำรุงกระเพาะช่วยให้ระบบย่อยทำงานดีขึ้น แก้ท้องอืด บำรุงปอด และม้าม กระตุ้นการผลิตของเหลวในร่างกาย ไม่เพียงแต่บำรุงเลือด แต่ยังช่วยให้น้ำเหลืองดี พิ่มเซลล์เม็ดเลือดแดง เสริมระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ลดความดันโลหิตสูง คลายกล้ามเนื้อให้พลังงาน เพิ่มสมรรถภาพทางเพศ แก้ไอ แก้คออักเสบ [...]

เห็ดหลินจือ จากธรรมชาติจะชอบขึ้นเกาะตามโคนไม้ ในป่าที่มีความชื้นและความอุดมสมบูรณ์สูง มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า กาโนเดอร์มา ลูซิดัม (Ganoderma Lucidum ส่วนมากที่เราได้ยินและได้เห็นในปัจจุบันนี้คือ เห็ดหลินจือที่มาจากประเทศจีน เป็นที่รู้จักกันมานานกว่า 2000 ปี นิยมนำมาทำเป็นสมุนไพร โดยคนโบราณจะเชื่อว่าเห็ดหลินจือคือยาอายุวัฒนะ ที่ทำให้ทานแล้วมีสุขภาพดีอายุยืนยาว ว่ากันเห็ดหลินจือมีสารอาหารที่หลากหลายที่มีประโยชน์ในยับยั้งและรักษาโรคต่าง ๆ ได้ มีทั้งโปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน วิตามินและแร่ธาตุบางชนิด เช่น แคลเซียม โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม เซเลเนียม ธาตุเหล็ก สังกะสี ทองแดง สารโมเลกุลชีวภาพที่สำคัญ อย่างสเตียรอยด์(Steroids) เทอร์ปีนอยด์ (Terpenoids) ฟีนอล (Phenols) นิวคลีโอไทด์ (Nucleotides) ไกลโคโปรตีน (Glycoproteins) พอลิแซ็กคาไรด์ (Polysaccharides) และสารอนุพันธ์อื่น ๆ โดยเฉพาะกรดอะมิโนไลซีน (Lysine) และลิวซีน (Leucine) ในสารอาหารที่ได้กล่าวมานั้นทำให้เห็ดหลินจือมีผลกับโรคต่าง อาทิ - โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ [...]